วันอังคารที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2558

Stop Motion

Stop-motion

Stop-motion เริ่มมีมาตั้งแต่ช่วงปลายปี ค.ศ. 1800 ถูกสร้างโดยใส่การเคลื่อนไหวเข้าไปในวัตถุที่เคลื่อนไหวไม่ได้ พวกเราลองมาเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของ Stop-motion กันเถอะค่ะ

            Stop motion คืออะไร ต่างจากการทำ production ต่างกันยังไง ขออาสาอธิบายคร่าวๆ ให้น้องๆ ทุกคนฟังกันนะจ๊ะ สตอปโมชัน (Stop motion) คือการสร้างภาพเคลื่อนไหวโดยการฉายภาพนิ่งหลายๆ ภาพต่อเนื่องกันด้วยความเร็วสูง ใช้เทคนิคการถ่ายภาพหรือวาดรูป หรือรูปถ่ายแต่ละขณะของหุ่นจำลองที่ค่อย ๆ ขยับ จะเรียกว่า ภาพเคลื่อนไหวแบบการเคลื่อนที่หยุด หรือการวางเรียงสิ่งของแล้วนำเสนอออกมาเป็นเรื่องราวของภาพเคลื่อนไหวนั่นเอง

อ้างอิงจาก http://nattanichaq.blogspot.com
https://th-th.facebook.com/mdpi4/posts/286421811465479
ดิฉันได้เจอคลิปที่บอกเล่าเรื่องราว stop-motion ได้อย่างดีลองดูกันเลยนะค่ะจะได้เข้าใจ
เกี่ยวกับเรื่องราวได้ง่ายขึ้น

https://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=ehGGZCztG9c


อ้างอิงจาก http://nattanichaq.blogspot.com

Taller de Iluminación

Taller de Iluminación

ในสมัยก่อน การทำ stop-motion ส่วนมากจะทำกับวัตถุที่เคลื่อนไหวเองไม่ได้ ต้องทำการถ่ายรูปแล้วก็ขยับวัตถุทีละครั้งแล้วก็ถ่ายรูปซ้ำไปซ้ำมา พอได้ภาพจำนวนหนึ่ง ก็จะนำมาเรียงต่อกันเพื่อทำเป็นหนัง stop-motion เรื่องสั้นเรื่องแรก คือ The Humpty Dumpty Circus สร้างโดย Albert Smith กับ Stuart Blackton ในปี 1899


อ้างอิงจาก http://nattanichaq.blogspot.com
Emile Cohl
Emile Cohl นักสร้างการตูนและผู้สร้างอนิเมชั่นชาวฝรั่งเศส เป็นคนนำ stop-motion เข้ามาสู่อเมริกา เขาใช้ ภาพวาด หุ่นจำลอง และอื่นๆที่เคลื่อนไหวไม่ได้ เท่าที่เขาจะหาได้ สำหรับทำ stop-motion แล้วหนัง stop-motion เรื่องแรกของเขา ชื่อว่า Fantasmagorie เขาสร้างมันเสร็จในปี 1908 ใช้ภาพวาดทั้งหมด 700 ภาพ แล้วถ่ายรูปขึ้นมาเพื่อนำมาทำเป็นอนิเมชั่น 




อ้างอิงจาก http://nattanichaq.blogspot.com
Willis O’Brien
Willis O’Brien เป็นผู้สร้างเทคนิคพิเศษให้กับวงการภาพยนตร์ ภาพยนตร์เรื่องแรกที่เขาร่วมสร้างคือ The Lost World ในปี 1925 ในภาพยนตร์มีบางช่วงที่เป็น stop-motion ซึ่งเขาเป็นคนทำมัน จากผลงานนี้ทำให้เขาได้ร่วมงานกับทีมสร้าง King Kong




อ้างอิงจาก http://nattanichaq.blogspot.com/

วันอังคารที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

ผลกระทบจากสื่อออนไลน์กับเด็กและครอบครัว

คงไม่ปฏิเสธว่า สื่อมวลชนมีอิทธิพลอย่างรุนแรงต่อกระบวนการเรียนรู้ ความคิดเห็น ทัศนคติ การพัฒนาทางบุคลิกภาพและค่านิยมทางวัฒนธรรมของเด็กๆ มีทั้งด้านที่เป็นคุณและโทษ เพราะสื่อมวลชนแทบทุกสาขาจะมีลักษณะเสรีและเปิดกว้างอย่างไร้ขอบเขตจำกัด ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญที่ผู้ใหญ่ยุคนี้ต้องเพิ่มความตระหนักและหาทางป้องกันอย่างรอบคอบ พึงสำนึกในความรับผิดชอบมากขึ้นที่จะสอนให้เด็กรู้จักเลือกรับสื่อที่ดีด้วยตัวเขาเอง
ผลกระทบที่เด็กได้รับ
            ด้านดี
               - เด็กจะได้รับความสนุกสนานเพลิดเพลิน เกิดการเรียนรู้ด้านสังคมอย่างกว้างไกล
               
- มีทักษะทางเทคโนโลยีต่างๆ ที่อาจจะนำมาใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวันได้
            ด้านลบ
               - ก่อให้เกิดปัญหาต่อพัฒนาการด้านต่างๆ ของเด็กได้หลายประการ ดังนี้
ด้านโภชนาการและสุขภาพกาย
               - เด็กมีแนวโน้มจะเป็นโรคอ้วนมากขึ้น โดยเฉพาะเด็กที่ชอบดูโทรทัศน์หรือวิดีโอจนติด มักจะไม่สนใจรับประทานอาหารหรือหากจะรับประทานก็เป็นขนมที่มีคุณค่าทางโภชนาการต่ำ จนเด็กหลายคนติดนิสัยกินจุบจิบ อ้วนแต่ไม่แข็งแรง และมีปัญหาฟันผุ
               - เด็กมีปัญหาเรื่องสายตาเพิ่มขึ้นจากการดูโทรทัศน์ วิดีโอ หรือการเล่นวิดีโอเกมในระยะใกล้เป็นเวลานาน มีผลทำให้สายตาสั้นได้ง่าย ทำให้เด็กเล็กๆ ต้องใส่แว่นแต่อายุน้อยๆ โดยไม่จำเป็น และเด็กบางคนอาจพัฒนาไปสู่ปัญหาทางบุคลิกภาพในระยะยาว
                การฟังวิทยุหรือดูโทรทัศน์ด้วยเสียงที่ดังเกินไป อาจจะส่งผลให้ประสาทการได้ยินถูกกระทบกระเทือนได้
               - การดูโทรทัศน์เป็นเวลานานติดต่อกัน จะทำให้ร่างกายและประสาททั่วไปเครียด เพราะขณะดูและมีการกดรีโมตเปลี่ยนช่องไปมาตลอดเวลา จะทำให้ระบบการทำงานของสมองถูกกระตุ้นให้ต้องปรับเปลี่ยนตลอดเวลา

อ้างอิงจาก http://www.edba.in.th/EDBA_M/index.php?option=com_content&view=article&id=88

ผลกระทบต่อครอบครัว

ผลกระทบต่อครอบครัว

ทางบวก : บางครอบครัวมีการติดต่อสื่อสารกับทางสังคมเครือข่ายออนไลน์ ระหว่างที่พ่อแม่ไปทำงาน ส่วนลูกไปโรงเรียนจะใช้ส่งข้อความถามข่าวความเคลื่อนไหวระหว่างวันของคนในครอบครัว

ทางลบ : การติดต่อสื่อสารทางสังคมเครือข่ายออนไลน์จะส่งผลเสียต่อเด็กในครอบครัว โดยที่ ลูกๆอาจกำลังเสี่ยงในการติดต่อกับผู้คนแปลกหน้า


อ้างอิง จาก http://www.familymediawatch.org/index.php?lay=show&ac=article&Id=539335286&Ntype=2